ในปี ค.ศ. 2015 สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยเคปทาวน์ได้กลายเป็นเวทีสำหรับการต่อสู้ครั้งสำคัญเพื่อความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและการกำจัดระบบที่กดขี่ การประท้วงนักเรียน Rhodes Must Fall (RMF) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากข้อเรียกร้องให้ถอดรูปปั้นของ เซซิล โร้ดส์ นักธุรกิจและนักการเมืองชาวอังกฤษผู้มีส่วนในการสร้างระบอบความเป็นเชื้อชาติในแอฟริกาใต้ ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง
เซซิล โร้ดส์ เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์แอฟริกาใต้และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอาณานิคมของอังกฤษ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีของดินแดนเคป และผู้ก่อตั้งบริษัท De Beers ซึ่งครองตลาดเพชรโลก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
อย่างไรก็ตาม รอยย่างของโร้ดส์ไม่ได้ถูกจารึกไว้ด้วยหมึกสีทอง การกระทำของเขาทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมอย่างรุนแรงระหว่างเชื้อชาติผิวขาวและผิวดำในแอฟริกาใต้ โร้ดส์ เป็นผู้สนับสนุนแนวคิด “ความเป็นเลิศของชาวอังกฤษ” และคัดง้างนโยบายที่เลือกปฏิบัติต่อประชาชนผิวสี
รูปปั้นของโร้ดส์ ตั้งเด่นสง่าอยู่หน้าอาคารหลักของมหาวิทยาลัยเคปทาวน์ เป็นสัญลักษณ์ที่รำลึกถึงอดีตอันมืดมิดของแอฟริกาใต้
การประท้วง RMF เริ่มต้นขึ้นจากกลุ่มนักศึกษาผิวดำที่เรียกร้องให้ถอดรูปปั้นโร้ดส์ ออกจากมหาวิทยาลัย
พวกเขามองว่ารูปปั้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของความไม่เท่าเทียมและการกดขี่ และต้องการให้มหาวิทยาลัยรับรู้ถึงประวัติศาสตร์อันโหดร้ายที่เซซิล โร้ดส์ สร้างขึ้น
เหตุการณ์สำคัญ | |
---|---|
2015 | การประท้วง RMF เริ่มต้นขึ้นที่มหาวิทยาลัยเคปทาวน์ |
2015 | การประท้วงแพร่กระจายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วแอฟริกาใต้ |
2016 | รูปปั้นเซซิล โร้ดส์ ถูกลบออกจากมหาวิทยาลัยเคปทาวน์ |
การประท้วง RMF เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวทางการเมืองและสังคมของเยาวชนแอฟริกาใต้ และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
นักศึกษาไม่เพียงแต่เรียกร้องให้ถอดรูปปั้นโร้ดส์ ออกเท่านั้น แต่ยังต้องการให้มหาวิทยาลัยปรับปรุงหลักสูตรการสอน ให้ย้อนกลับไปพิจารณาประวัติศาสตร์ของแอฟริกาใต้จากมุมมองที่หลากหลาย และสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมสำหรับนักศึกษาผิวสี
การประท้วง RMF เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์แอฟริกาใต้ การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการถอดรูปปั้นของเซซิล โร้ดส์ เท่านั้น แต่ยังจุดชนวนให้เกิดการสนทนาที่ลึกซึ้งและสำคัญเกี่ยวกับอดีตอันมืดมิด และความจำเป็นในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหว RMF ยังได้รับแรงบันดาลใจจากนักศึกษาในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และกลายเป็นตัวอย่างของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและการล้มล้างระบบที่กดขี่